KNOWLEDGE
หน่วยที่ 5
การออกแบบการเรียนการสอน
การออกแบบระบบการสอนโดยใช้แบบจำลอง ADDIE
(Instructional System Design (ISD):
Using the ADDIE Model)
การวิเคราะห์(Analysis)
ขั้นตอนการวิเคราะห์เป็นรากฐานสำหรับขั้นตอนการออกแบบการสอนขั้นตอนอื่นๆ ในระหว่างขั้นตอนนี้
คุณจะต้องระบุปัญหา, ระบุแหล่งของปัญหา
และวินิจฉัยคำตอบที่ทำได้ ขั้นตอนนี้อาจประกอบด้วยเทคนิคการวินิจฉัยเฉพาะ
เช่น การวิเคราะห์ความต้องการ(ความจำเป็น) , การวิเคราะห์งาน, การวิเคราะห์ภารกิจ ผลลัพธ์ของขั้นตอนนี้มักประกอบด้วย
เป้าหมาย (goal), และรายการภารกิจที่จะสอน
ผลลัพธ์เหล่านี้จะถูกนำเข้าไปยังขั้นตอนการออกแบบต่อไป
การออกแบบ (Design)
ขั้นตอนการออกแบบเกี่ยวข้องกับการใช้ผลลัพธ์จากขั้นตอนการวิเคราะห์
เพื่อวางแผนกลยุทธ์สำหรับพัฒนาการสอนในระหว่างขั้นตอนนี้คุณจะต้องกำหนดโครงร่างวิธีการให้บรรลุถึงเป้าหมายการสอน
ซึ่งได้รับการวินิจฉัยในระหว่างขั้นตอนการวิเคราะห์ และขยายผลสารัตถะการสอน
องค์ประกอบบางประการของขั้นตอนการออกแบบอาจจะประกอบด้วยการเขียนรายละเอียดกลุ่มประชากรเป้าหมาย, การดำเนินการวิเคราะห์การเรียน, การเขียนวัตถุประสงค์และข้อทดสอบ, เลือกระบบการนำส่ง
และจัดลำดับขั้นตอนการสอน ผลลัพธ์ของขั้นตอนการออกแบบจะเป็นข้อมูลนำเข้าสำหรับขั้นตอนการพัฒนาต่อไป
การพัฒนา (Development)
ขั้นตอนการพัฒนาสร้างขึ้นบนบนขั้นตอนการวิเคราะห์และการออกแบบ จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือสร้างแผนการสอนและสื่อของบทเรียนในระหว่างขั้นตอนนี้คุณจะต้องพัฒนาการสอนและสื่อทั้งหมดที่ใช้ในการสอน และเอกสารสนับสนุนต่างๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ (เช่น เครื่องมือสถานการณ์จำลอง) และซอฟต์แวร์ (เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน)
การดำเนินการให้เป็นผล (Implementation)
ขั้นตอนการดำเนินการให้เป็นผล หมายถึงการนำส่งที่แท้จริงของการสอน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบชั้นเรียน หรือห้องทดลอง
หรือรูปแบบใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานก็ตาม จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือการนำส่งการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ขั้นตอนนี้จะต้องให้การส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนในสารปัจจัยต่างๆ, สนับสนุนการเรียนรอบรู้ของผู้เรียนในวัตถุประสงค์ต่างๆและเป็นหลักประกันในการถ่ายโอนความรู้ของผู้เรียนจากสภาพแวดล้อมการเรียนไปยังการงานได้
การประเมินผล (Evaluation)
ขั้นตอนนี้วัดผลประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการสอน การประเมินผลเกิดขึ้นตลอดกระบวนการออกแบบการสอนทั้งหมด กล่าวคือ
ภายในขั้นตอนต่างๆ และระหว่างขั้นตอนต่างๆ
และภายหลังการดำเนินการให้เป็นผลแล้ว การประเมินผล
อาจจะเป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนา (Formative
evaluation) หรือการประเมินผลรวม (Summative
evaluation)
การประเมินผลเพื่อพัฒนา (Formative evaluation):
ดำเนินการต่อเนื่องในภายในและระหว่างขั้นตอนต่างๆ
จุดมุ่งหมายของการประเมินผลชนิดนี้ คือ เพื่อปรับปรุงการสอนก่อนที่จะนำแบบฉบับขั้นสุดท้ายไปใช้ให้เป็นผล
การประเมินผลรวม (Summative evaluation):
โดยปกติเกิดขึ้นภายหลังการสอน เมื่อแบบฉบับขั้นสุดท้ายได้รับการดำเนินการใช้ให้เป็นผลแล้ว
การประเมินผลประเภทนี้จะประเมินประสิทธิผลการสอนทั้งหมด ข้อมูลจากการประเมินผลรวมโดยปกติมักจะถูกใช้เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการสอน (เช่นจะซื้อชุดการสอนนั้นหรือไม่ หรือจะดำเนินการต่อไปหรือไม่)
.....การออกแบบระบบการเรียนการสอน
(Instructional System design) มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น
การออกแบบการเรียนการสอน (Instructional design) การออกแบบและพัฒนาการสอน
(Instructional design and development) เป็นต้น
ไม่ว่าชื่อจะมีความหลากหลายเพียงใด แต่ชื่อเหล่านั้นก็มากจากต้นตอเดียวกัน
คือมาจากแนวคิดในการใช้กระบวนการของวิธีระบบ (system approach)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ
.....ในการดำเนินงานใด ๆ ก็ตาม ผู้รับผิดชอบจะต้องคำถึงถึงประสิทธิผล (Effectiveness) และประสิทธิภาพ (efficiency) ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพนั้นมักจะนำแนวคิดของระบบ (system) มาใช้ ทั้งนี้เพราะระบบจะประกอบด้วยวิธีการที่จะทำให้เราได้หลักการและกระบวนการในการทำงานเนื่องจากระบบจะมีกลไกในการปรับปรุง แก้ไข การทำงานในตัวเองของมันเอง โดยการใช้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) ทั้งนี้ถ้าเราเข้าใจระบบเราก็สามารถนำแนวความคิดไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้
ความหมายของระบบ
.....มีผู้ให้ความหมายขอคำว่า “ระบบ” (system) ไว้หลายคน เช่น บานาธี่ (Banathy, 1968) หรือ วอง (Wong, 1971) บานาธี่ ได้ให้ความหมายของคำว่าระบบว่า “ระบบ หมายถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้จะร่วมกันทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้” ความหมายของระบบตามแนวทางของวองก็จะมีลักษณะแนวทางใกล้เคียงกับของบานาธี่ โดยวองให้ความหมายของระบบวา “ระบบ หมายถึง การรวมกลุ่มของส่วนประกอบต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้” จากความหมายข้างต้น สามารถสรุปได้ว่าระบบจะต้องมี
.....1. องค์ประกอบ
.....2. องค์ประกอบนั้นต้องมีความสัมพันธ์ มีการโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์กันและ
.....3. ระบบต้องมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ
ลักษณะของระบบที่ดี
.....ระบบที่ต้องสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และมีความยั่งยืน (sustainable) การมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน ระบบนั้นจะต้องมีลักษณะ 4 ประการคือ
.....1. มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม (interact with environment)
.....2. มีจุดหมายหรือเป้าประสงค์ (purpose)
.....3. มีการรักษาสภาพตนเอง (self – regulation)
.....4. มีการแก้ไขตนเอง (self – correction)
มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
.....ระบบทุก ๆ ระบบจะมีปฏิสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับโลกรอบๆ ตัวของระบบ โลกรอบ ๆ ตัวนี้ เรียกว่า “สิ่งแวดล้อม” การที่ระบบมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมนี้เองทำให้ระบบดังกล่าวกลายเป็นระบบเปิด (open system) กล่าวคือ ระบบจะรับปัจจัยนำเข้า (inputs) จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะเป็นพลังงาน อาหาร ข้อมูล ฯลฯ ระบบจะจัดกระทำเปลี่ยนแปลงปัจจัยนำเข้านี้ให้เป็นผลผลิต (outputs) แล้วส่งกลับไปให้สิ่งแวดล้อมอีกทีหนึ่ง ดังรูปภาพ .
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ
.....ในการดำเนินงานใด ๆ ก็ตาม ผู้รับผิดชอบจะต้องคำถึงถึงประสิทธิผล (Effectiveness) และประสิทธิภาพ (efficiency) ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพนั้นมักจะนำแนวคิดของระบบ (system) มาใช้ ทั้งนี้เพราะระบบจะประกอบด้วยวิธีการที่จะทำให้เราได้หลักการและกระบวนการในการทำงานเนื่องจากระบบจะมีกลไกในการปรับปรุง แก้ไข การทำงานในตัวเองของมันเอง โดยการใช้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) ทั้งนี้ถ้าเราเข้าใจระบบเราก็สามารถนำแนวความคิดไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้
ความหมายของระบบ
.....มีผู้ให้ความหมายขอคำว่า “ระบบ” (system) ไว้หลายคน เช่น บานาธี่ (Banathy, 1968) หรือ วอง (Wong, 1971) บานาธี่ ได้ให้ความหมายของคำว่าระบบว่า “ระบบ หมายถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้จะร่วมกันทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้” ความหมายของระบบตามแนวทางของวองก็จะมีลักษณะแนวทางใกล้เคียงกับของบานาธี่ โดยวองให้ความหมายของระบบวา “ระบบ หมายถึง การรวมกลุ่มของส่วนประกอบต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้” จากความหมายข้างต้น สามารถสรุปได้ว่าระบบจะต้องมี
.....1. องค์ประกอบ
.....2. องค์ประกอบนั้นต้องมีความสัมพันธ์ มีการโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์กันและ
.....3. ระบบต้องมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ
ลักษณะของระบบที่ดี
.....ระบบที่ต้องสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และมีความยั่งยืน (sustainable) การมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน ระบบนั้นจะต้องมีลักษณะ 4 ประการคือ
.....1. มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม (interact with environment)
.....2. มีจุดหมายหรือเป้าประสงค์ (purpose)
.....3. มีการรักษาสภาพตนเอง (self – regulation)
.....4. มีการแก้ไขตนเอง (self – correction)
มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
.....ระบบทุก ๆ ระบบจะมีปฏิสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับโลกรอบๆ ตัวของระบบ โลกรอบ ๆ ตัวนี้ เรียกว่า “สิ่งแวดล้อม” การที่ระบบมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมนี้เองทำให้ระบบดังกล่าวกลายเป็นระบบเปิด (open system) กล่าวคือ ระบบจะรับปัจจัยนำเข้า (inputs) จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะเป็นพลังงาน อาหาร ข้อมูล ฯลฯ ระบบจะจัดกระทำเปลี่ยนแปลงปัจจัยนำเข้านี้ให้เป็นผลผลิต (outputs) แล้วส่งกลับไปให้สิ่งแวดล้อมอีกทีหนึ่ง ดังรูปภาพ .

.....จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นได้ว่าระบบมีการแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง
ๆ (สิ่งนำเข้าและผลผลิต) กับสิ่งแวดล้อม
การแลกเปลี่ยนจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องเสมอต้นเสมอปลาย
ในเรื่องสิ่งแวดล้อมของระบบนี้จะกล่าวถึงอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งในบทต่อไป
มีจุดมุ่งหมายหรือเป้าประสงค์
.....ระบบจะต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแน่นอนสำหรับตัวของมันเอง ระบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ระบบการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้นก็มีจุดมุ่งหมายสำหรับตัวของระบบเองอย่างชัดเจนว่า “เพื่อรักษาสภาพการมีชีวิตไว้ให้ดีที่สุด” จุดมุ่งหมายนี้ดูออกจะไม่เด่นชัดสำหรับเรานักเพราะเราไม่ใช่ผู้คิดสร้างระบบดังกล่าวขึ้นมาเอง ลองดูตัวอย่างอีกตัวอย่าง คือ ระบบของรถยนต์โดยสารส่วนตัว ระบบดังกล่าวเป็นระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือ เป็นยานพาหนะที่อำนวยความสะดวกสบายแก่มนุษย์ในเรื่องของความรวดเร็ว การทุ่นแรง
สามารถรักษาสภาพตัวเองได้
.....ลักษณะที่สามของระบบ คือ การที่ระบบสามารถรักษาสภาพของตัวมันเองให้อยู่ในลักษณะที่มั่นคงอยู่เสมอ การรักษาสภาพตนเองทำได้โดยการแลกเปลี่ยนอินพุทและอาท์พุทกันระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ หรือระบบย่อย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ระบบย่อยอาหารของร่างกายมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยๆ หรือระบบย่อยต่าง ๆ เช่น ปาก น้ำย่อย น้ำดี หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
มีจุดมุ่งหมายหรือเป้าประสงค์
.....ระบบจะต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแน่นอนสำหรับตัวของมันเอง ระบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ระบบการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้นก็มีจุดมุ่งหมายสำหรับตัวของระบบเองอย่างชัดเจนว่า “เพื่อรักษาสภาพการมีชีวิตไว้ให้ดีที่สุด” จุดมุ่งหมายนี้ดูออกจะไม่เด่นชัดสำหรับเรานักเพราะเราไม่ใช่ผู้คิดสร้างระบบดังกล่าวขึ้นมาเอง ลองดูตัวอย่างอีกตัวอย่าง คือ ระบบของรถยนต์โดยสารส่วนตัว ระบบดังกล่าวเป็นระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือ เป็นยานพาหนะที่อำนวยความสะดวกสบายแก่มนุษย์ในเรื่องของความรวดเร็ว การทุ่นแรง
สามารถรักษาสภาพตัวเองได้
.....ลักษณะที่สามของระบบ คือ การที่ระบบสามารถรักษาสภาพของตัวมันเองให้อยู่ในลักษณะที่มั่นคงอยู่เสมอ การรักษาสภาพตนเองทำได้โดยการแลกเปลี่ยนอินพุทและอาท์พุทกันระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ หรือระบบย่อย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ระบบย่อยอาหารของร่างกายมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยๆ หรือระบบย่อยต่าง ๆ เช่น ปาก น้ำย่อย น้ำดี หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ฯลฯ

...จากภาพที่ 2 ซึ่งแสดงระบบการย่อยอาหารของคน ซึ่งประกอบด้วย องค์ประกอบย่อย ๆ (ระบบย่อย) หลายองค์ประกอบด้วยกัน การที่ระบบการย่อยอาหารจะทำงานได้ดี และรักษาสภาพการย่อยอาหารให้ทำงานได้สมบูรณ์ตลอดไปนั้น องค์ประกอบต่าง ๆ ต้องทำงานตามหน้าที่ของมัน และต้องทำงานให้สัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่น ๆ อีกด้วย เฉพาะการทำงานของปาก ลิ้น และฟันจะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างดี ในขณะเคี้ยวอาหาร การที่ฟันไม่เคี้ยวลิ้นในขณะเคี้ยวอาหารนั้นก็เกิดจาการทำงานประสานอย่างดีนั่นเอง
การปรับและแก้ไขตนเอง
.....ลักษณะที่ดีของระบบ คือ มีการแก้ไขและปรับตัวเอง ในการที่ระบบมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมบางครั้งปฏิสัมพันธ์นั้นก็จะทำให้ระบบการรักษาสภาพตัวเอง (Self – regulation) ต้องย่ำแย่ไป ระบบก็ต้องมีการแก้ไขและปรับตัวเองเสียใหม่ ตัวอย่างเช่น การปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับอากาศหนาว (สภาพแวดล้อม) อาจจะทำให้เกิดอาการหวัดขึ้นได้ ในสถานการณ์นี้ ถ้าระบบร่างกายไม่สามารถที่จะรักษาสภาพตัวเองได้อย่างดี ร่างกายก็จะต้องสามารถที่จะปรับตัวเองเพื่อที่จะต่อสู้กับอาการหวัดนั้น โดยการผลิตภูมิคุ้มกันออกมาต้านหวัด
.....ในขณะที่ระบบสร้างผลผลิต (Output) ส่งออกไปสู่สิ่งแวดล้อม (environment) นั้นระบบก็จะนำเอาผลผลิตส่วนหนึ่งมาตรวจสอบโดยการป้อนเข้าที่ส่วนนำเข้า (input) ใหม่ ลักษณะนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feed back)
.....ลักษณะที่ดีของระบบ คือ มีการแก้ไขและปรับตัวเอง ในการที่ระบบมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมบางครั้งปฏิสัมพันธ์นั้นก็จะทำให้ระบบการรักษาสภาพตัวเอง (Self – regulation) ต้องย่ำแย่ไป ระบบก็ต้องมีการแก้ไขและปรับตัวเองเสียใหม่ ตัวอย่างเช่น การปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับอากาศหนาว (สภาพแวดล้อม) อาจจะทำให้เกิดอาการหวัดขึ้นได้ ในสถานการณ์นี้ ถ้าระบบร่างกายไม่สามารถที่จะรักษาสภาพตัวเองได้อย่างดี ร่างกายก็จะต้องสามารถที่จะปรับตัวเองเพื่อที่จะต่อสู้กับอาการหวัดนั้น โดยการผลิตภูมิคุ้มกันออกมาต้านหวัด
.....ในขณะที่ระบบสร้างผลผลิต (Output) ส่งออกไปสู่สิ่งแวดล้อม (environment) นั้นระบบก็จะนำเอาผลผลิตส่วนหนึ่งมาตรวจสอบโดยการป้อนเข้าที่ส่วนนำเข้า (input) ใหม่ ลักษณะนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feed back)

.....การรักษาสภาพตัวเอง และการแก้ไขปรับแต่งตนเองนี้
เป็นคุณลักษณะที่สำคัญของระบบ เพราะจำทำให้ระบบมีลักษณะเป็นวงจรไม่ใช่เส้นตรง
ระบบเปิดและระบบปิด
.....มองไปรอบ ๆ ตัวเราแล้วจะเห็นว่าประกอบไปด้วยระบบต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นระบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ระบบสุริยะจักรวาล ระบบลมบกลมทะเล ระบบหมุนเวียนโลหิต หรือระบบที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมา เช่น ระบบสังคม ระบบการศึกษา ระบบการเงิน ระบบการธนาคาร ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ ฯลฯ ระบบต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานี้สามารถที่จำแนกออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ ระบบเปิด (open system) และระบบปิด (closed system)
....ระบบเปิด คือ ระบบที่รับปัจจัยนำเข้า (Input) จากสิ่งแวดล้อม และขณะเดียวกันก็ส่งผลผลิต (output) กลับไปให้สิ่งแวดล้อมอีกครั้งหนึ่ง (Carlisle, 1976) ตัวอย่างระบบเปิดนั้นจะหาดูได้ทั่ว ๆ ไป เช่น ระบบสังคม ระบบการศึกษา ระบบการสูบฉีดโลหิต ระบบหายใจ ฯลฯ
....ระบบปิด คือ ระบบที่มิได้รับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อม หรือรับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อม หรือรับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อมน้อยมาก แต่ขณะเดียวกันระบบปิดจะผลิตเอาท์พุดให้กับสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ตัวอย่างระบบปิดที่เห็นง่ายๆ ก็คือ ระบบถ่านไฟฉาย หรือระบบแบตเตอรี่ต่าง ๆ ตัวถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่นั้นถูกสร้างขึ้นมาให้มีพลังงานไฟฟ้าสะสมอยู่ในตัว ภายในแบตเตอรี่หรือถ่านฉายก็มีองค์ประกอบย่อย ๆ ที่เรียกว่า ระบบย่อยอีกหลายระบบ ระบบย่อยแต่ละอย่างนี้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างดี จนสามารถให้พลังงานไฟฟ้าออกมาได้ โดยที่ไม่ได้รับปัจจัยนำเข้าใหม่เข้าไปเลย การทำงานในลักษณะหรือสภาวะเช่นนี้ เบตเตอรี่จะมีลักษณะเป็นระบบปิด คือไม่ได้รับพลังงานจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเลย ระบบปิดนี้ปกติจะมีอายุสั้นกว่าระบบเปิด เนื่องจากระบบปิดนั้นทำหน้าที่เพียงแต่เป็น “ผู้ให้” เท่านั้น ในตัวอย่างแบตเตอรี่นั้น ถ้าเขาใช้ไฟไปนานๆ แบตเตอรี่ก็จะหมดไฟ และระบบแบตเตอรี่ดังกล่าวก็จะหมดสภาพไป ถ้าจะทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้นานขึ้น ก็ต้องทำให้การทำงานของแบตเตอรี่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นระบบเปิดขึ้นมา คือสามารถรับพลังงานจากภายนอกได้ พอเป็นระบบเปิดแล้วแบตเตอรี่ดังกล่าวก็สามารถที่จะมีสภาพหรือมีอายุนานขึ้น
.....ระบบที่จะกล่าวถึงในที่นี้จะจำกัดอยู่แต่ระบบเปิด (Open system) เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากระบบเปิดคือระบบที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้งาน เราสามารถวิเคราะห์ สามารถสร้างและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมันได อีกทั้งเป็นระบบที่มีความยีนยงอีกด้วย
ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีระบบ
.....เรื่องของวิธีระบบ (System approach) นั้น ได้มีการกล่าวถึงอ้างอิงกันมาก จริง ๆ แล้วเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดตามธรรมชาติจะถือว่าประกอบด้วยระบบอยู่ทั้งนั้น จักรวาลจัดเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดที่เรารู้จัก มนุษย์เป็นระบบย่อยลงมา ระบบแต่ละระบบมักจะประกอบด้วยระบบย่อย (subsystem) และแต่ละระบบย่อยก็ยังอาจจะประกอบด้วยระบบย่อยลงไปอีก
วิธีระบบ (System approach)
.....วิธีระบบ คือแนวทางในการพิจารณาและแก้ไขปัญหา ซึ่งแนวทางดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด (Allen, Joseph and Lientz, Bennet p. 1978)
.....ในปัจจุบันจะพบว่า วิธีระบบนั้นถูกนำไปใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง วิธีระบบจะเป็นตัวจัดโครงร่าง (Skeleton) และกรอบของงานเพื่อให้ง่ายต่อการที่จะนำเทคนิค วิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ มาใช้ การทำงานของวิธีระบบจะเป็นการทำงานตามขั้นตอน (step by step) ตามแนวของตรรกศาสตร์
.....ผู้ใช้วิธีระบบจะต้องเชื่อว่า “ระบบ” ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน (interrelated parts) และเชื่อว่าประสิทธิผล (effectiveness) ของระบบนั้นจะต้องดูจากผลการทำงานของระบบมิได้ดูจากการทำงานของระบบย่อยแต่ละระบบ
จากวิธีระบบสู่ระบบการเรียนการสอน
....แนวคิดของวิธีระบบ ถือได้ว่าเป็นรากฐานของระบบการเรียนการสอน โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่า ระบบจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำงานสัมพันธ์กัน และระบบสามารถปรับปรุง ปรับทิศทางของตนเองได้ จากการตรวจสอบจากข้อมูลป้อนกลับ (Feedback)
.....วิธีระบบถูกนำมาใช้ในระบบการศึกษาและได้รับการพัฒนา ปรับปรุงขึ้นเป็นลำดับ โดยได้มีผู้พัฒนารูปแบบการสอน (Model) ขึ้นหลากหลายรูปแบบ รูปแบบเหล่านี้เรียกชื่อว่า ระบบการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design systems) หรือเรียกสั้นลงไปอีกว่า การออกแบบการเรียนการสอน (instructional design)
.....การออกแบบการเรียนการสอนจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่เป็นขั้นตอนต่าง ๆ ที่อาศัยหลักการและทฤษฎีสนับสนุนจากองค์ความรู้และการวิจัยทางการศึกษา
.....จนถึงปัจจุบันนักการศึกษาได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน (Instructional model) ขึ้นมากกว่า 50 รูปแบบ รูปแบบเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบ ทดสอบ และการปรับปรุงมาแล้วก่อนที่จะเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ที่เชื่อได้ว่า ถ้านำไปใช้แล้วจะทำให้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการสอนอย่างสูงสุด
....ประสิทธิผลและประสิทธิภาพนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะใช้กับจุดมุ่งหมายในการสอนลักษณะใด ผู้เรียนที่แตกต่างกันเพียงไร สถานการณ์สิ่งแวดล้อมหรือสื่อการสอนที่แตกต่างกันออกไป
.....รูปแบบอันหลากหลายนี้จะมีความแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วจะเห็นว่า ความแตกต่างนั้นมีไม่มากนัก รูปแบบการเรียนการสอนนี้สามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนหรือการฝึกอบรม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของการเรียนการสอนโดยตรง เช่น สามารถนำไปใช้ในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้ในโรงพยาบาล สถานีตำรวจ ธนาคารหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการให้ความรู้ การเปลี่ยนทัศนคติ หรือการฝึกทักษะต่าง ๆ
การออกแบบการเรียนการสอนไม่ใช่การสร้างระบบใหม่
.....กิจกรรมการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design) นั้นไม่ใช่กิจกรรมการออกแบบและสร้างระบบการสอนขึ้นใหม่ แต่เป็นกระบวนการนำรูปแบบ (model) ที่มีผู้คิดสร้างไว้แล้วมาใช้ตามขั้นตอน (step) ต่าง ๆ ที่เจ้าของรูปแบบนั้นกำหนดไว้อาจจะมีคำถามว่า ถ้าไม่ได้ออกแบบระบบเอง ทำไมจึงใช้คำว่า “ ออกแบบการเรียนการสอน” คำตอบที่ชัดเจนก็คือ ผู้ใช้รูปแบบ (model) ของการสอนนั้นจำเป็นต้องออกแบบตามขั้นตอนต่าง ๆ ของรูปแบบนั้น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากรูปแบบ (model) ที่มีผู้สร้างไว้ให้นั้นเป็นเพียงกรอบและแนวทางในการดำเนินงานเท่านั้น รายละเอียดต่างๆ ภายในขั้นตอนจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพปัญหา จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ลักษณะของผู้เรียน และเงื่อนไขต่าง ๆ
การออกแบบการเรียนการสอน (Instructional design)
.....จากที่กล่าวมาในตอนต้น ๆ ทำให้ทราบความเป็นมาของระบบการสอนรวมถึงคำว่า “ระบบ” ว่าเป็นอย่างไร และปรับเปลี่ยนดัดแปลงการออกแบบการเรียนการสอนด้วยเหตุใด ต่อไปนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของการออกแบบการเรียนการสอน โดยจะเริ่มจากความเป็นมา ความหมาย ระดับของการออกแบ องค์ประกอบ รูปแบบของการออกแบบการเรียนการสอน และสุดท้ายคือ กระบวนการขั้นตอนการออกแบบการเรียนการสอน
ความเป็นมาของการออกแบบการเรียนการสอน
.....การออกแบบการเรียนการสอน (ID) เกิดจากการใช้กระบวนการของวิธีระบบ (system approach) ในการฝึกทหารของกองทัพบกอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีความเชื่อว่า การเรียนรู้ใด ๆ ไม่ควรจะเกิดอย่างบังเอิญ แต่ควรเกิดจากการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม มีกระบวนการ มีขั้นตอน และสามารถวัดผลจากการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน
.....ในการออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยความรู้ศาสตร์ สาขาต่าง ๆ อันได้แก่ จิตวิทยาการศึกษา การสื่อความหมาย การศึกษาศาสตร์ทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วม
ความหมายของการออกแบบการเรียนการสอน
.....การออกแบบการเรียนการสอน คือ ศาสตร์ (Science) ในการกำหนดรายละเอียด รายการต่าง ๆ เพื่อพัฒนา การประเมินและการทำนุบำรุงรักษาให้คงไว้ของสภาวะต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งในเนื้อหาจำนวนมาก หรือเนื้อหาสั้น ๆ (Richey, 1986)
ปัญหาในระบบการเรียนการสอน
....เป้าหมายหลักของครูหรือนักฝึกอบรมในการสอน คือการช่วยให้ผู้เขียนหรือผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ และในการช่วยให้เกิดการเรียนรู้นี้มีปัญหาหลัก ๆ อยู่หลายประการที่ผู้ออกแบบการเรียนการสอนจะต้องตระหนักและพยายามหลีกเลี่ยง ปัญหาดังกล่าวคือ
.....1. ปัญหาด้านทิศทาง (Direction)
.....2. ปัญหาด้านการวัดผล (Evaluation)
.....3. ปัญหาด้านเนื้อหาและการลำดับเนื้อหา (Content and Sequence)
.....4. ปัญหาด้านวิธีการ (Method)
.....5. ปัญหาข้อจำกัดต่าง ๆ (Constraint)
ปัญหาด้านทิศทาง
.....ปัญหาด้านทิศทางของผู้เรียนก็คือ ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนอะไร
ต้องสนใจจุดไหน สรุปแล้วพูดไว้ว่าเป็นปัญหาด้านจุดมุ่งหมาย
.....มองไปรอบ ๆ ตัวเราแล้วจะเห็นว่าประกอบไปด้วยระบบต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นระบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ระบบสุริยะจักรวาล ระบบลมบกลมทะเล ระบบหมุนเวียนโลหิต หรือระบบที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมา เช่น ระบบสังคม ระบบการศึกษา ระบบการเงิน ระบบการธนาคาร ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ ฯลฯ ระบบต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานี้สามารถที่จำแนกออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ ระบบเปิด (open system) และระบบปิด (closed system)
....ระบบเปิด คือ ระบบที่รับปัจจัยนำเข้า (Input) จากสิ่งแวดล้อม และขณะเดียวกันก็ส่งผลผลิต (output) กลับไปให้สิ่งแวดล้อมอีกครั้งหนึ่ง (Carlisle, 1976) ตัวอย่างระบบเปิดนั้นจะหาดูได้ทั่ว ๆ ไป เช่น ระบบสังคม ระบบการศึกษา ระบบการสูบฉีดโลหิต ระบบหายใจ ฯลฯ
....ระบบปิด คือ ระบบที่มิได้รับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อม หรือรับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อม หรือรับปัจจัยนำเข้าจากสิ่งแวดล้อมน้อยมาก แต่ขณะเดียวกันระบบปิดจะผลิตเอาท์พุดให้กับสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ตัวอย่างระบบปิดที่เห็นง่ายๆ ก็คือ ระบบถ่านไฟฉาย หรือระบบแบตเตอรี่ต่าง ๆ ตัวถ่านไฟฉายหรือแบตเตอรี่นั้นถูกสร้างขึ้นมาให้มีพลังงานไฟฟ้าสะสมอยู่ในตัว ภายในแบตเตอรี่หรือถ่านฉายก็มีองค์ประกอบย่อย ๆ ที่เรียกว่า ระบบย่อยอีกหลายระบบ ระบบย่อยแต่ละอย่างนี้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างดี จนสามารถให้พลังงานไฟฟ้าออกมาได้ โดยที่ไม่ได้รับปัจจัยนำเข้าใหม่เข้าไปเลย การทำงานในลักษณะหรือสภาวะเช่นนี้ เบตเตอรี่จะมีลักษณะเป็นระบบปิด คือไม่ได้รับพลังงานจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเลย ระบบปิดนี้ปกติจะมีอายุสั้นกว่าระบบเปิด เนื่องจากระบบปิดนั้นทำหน้าที่เพียงแต่เป็น “ผู้ให้” เท่านั้น ในตัวอย่างแบตเตอรี่นั้น ถ้าเขาใช้ไฟไปนานๆ แบตเตอรี่ก็จะหมดไฟ และระบบแบตเตอรี่ดังกล่าวก็จะหมดสภาพไป ถ้าจะทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้นานขึ้น ก็ต้องทำให้การทำงานของแบตเตอรี่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นระบบเปิดขึ้นมา คือสามารถรับพลังงานจากภายนอกได้ พอเป็นระบบเปิดแล้วแบตเตอรี่ดังกล่าวก็สามารถที่จะมีสภาพหรือมีอายุนานขึ้น
.....ระบบที่จะกล่าวถึงในที่นี้จะจำกัดอยู่แต่ระบบเปิด (Open system) เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากระบบเปิดคือระบบที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้งาน เราสามารถวิเคราะห์ สามารถสร้างและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมันได อีกทั้งเป็นระบบที่มีความยีนยงอีกด้วย
ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีระบบ
.....เรื่องของวิธีระบบ (System approach) นั้น ได้มีการกล่าวถึงอ้างอิงกันมาก จริง ๆ แล้วเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดตามธรรมชาติจะถือว่าประกอบด้วยระบบอยู่ทั้งนั้น จักรวาลจัดเป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดที่เรารู้จัก มนุษย์เป็นระบบย่อยลงมา ระบบแต่ละระบบมักจะประกอบด้วยระบบย่อย (subsystem) และแต่ละระบบย่อยก็ยังอาจจะประกอบด้วยระบบย่อยลงไปอีก
วิธีระบบ (System approach)
.....วิธีระบบ คือแนวทางในการพิจารณาและแก้ไขปัญหา ซึ่งแนวทางดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด (Allen, Joseph and Lientz, Bennet p. 1978)
.....ในปัจจุบันจะพบว่า วิธีระบบนั้นถูกนำไปใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง วิธีระบบจะเป็นตัวจัดโครงร่าง (Skeleton) และกรอบของงานเพื่อให้ง่ายต่อการที่จะนำเทคนิค วิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ มาใช้ การทำงานของวิธีระบบจะเป็นการทำงานตามขั้นตอน (step by step) ตามแนวของตรรกศาสตร์
.....ผู้ใช้วิธีระบบจะต้องเชื่อว่า “ระบบ” ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน (interrelated parts) และเชื่อว่าประสิทธิผล (effectiveness) ของระบบนั้นจะต้องดูจากผลการทำงานของระบบมิได้ดูจากการทำงานของระบบย่อยแต่ละระบบ
จากวิธีระบบสู่ระบบการเรียนการสอน
....แนวคิดของวิธีระบบ ถือได้ว่าเป็นรากฐานของระบบการเรียนการสอน โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่า ระบบจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำงานสัมพันธ์กัน และระบบสามารถปรับปรุง ปรับทิศทางของตนเองได้ จากการตรวจสอบจากข้อมูลป้อนกลับ (Feedback)
.....วิธีระบบถูกนำมาใช้ในระบบการศึกษาและได้รับการพัฒนา ปรับปรุงขึ้นเป็นลำดับ โดยได้มีผู้พัฒนารูปแบบการสอน (Model) ขึ้นหลากหลายรูปแบบ รูปแบบเหล่านี้เรียกชื่อว่า ระบบการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design systems) หรือเรียกสั้นลงไปอีกว่า การออกแบบการเรียนการสอน (instructional design)
.....การออกแบบการเรียนการสอนจะประกอบด้วยองค์ประกอบที่เป็นขั้นตอนต่าง ๆ ที่อาศัยหลักการและทฤษฎีสนับสนุนจากองค์ความรู้และการวิจัยทางการศึกษา
.....จนถึงปัจจุบันนักการศึกษาได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน (Instructional model) ขึ้นมากกว่า 50 รูปแบบ รูปแบบเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบ ทดสอบ และการปรับปรุงมาแล้วก่อนที่จะเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ที่เชื่อได้ว่า ถ้านำไปใช้แล้วจะทำให้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการสอนอย่างสูงสุด
....ประสิทธิผลและประสิทธิภาพนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่ว่าจะใช้กับจุดมุ่งหมายในการสอนลักษณะใด ผู้เรียนที่แตกต่างกันเพียงไร สถานการณ์สิ่งแวดล้อมหรือสื่อการสอนที่แตกต่างกันออกไป
.....รูปแบบอันหลากหลายนี้จะมีความแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด แต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วจะเห็นว่า ความแตกต่างนั้นมีไม่มากนัก รูปแบบการเรียนการสอนนี้สามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนหรือการฝึกอบรม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของการเรียนการสอนโดยตรง เช่น สามารถนำไปใช้ในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้ในโรงพยาบาล สถานีตำรวจ ธนาคารหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการให้ความรู้ การเปลี่ยนทัศนคติ หรือการฝึกทักษะต่าง ๆ
การออกแบบการเรียนการสอนไม่ใช่การสร้างระบบใหม่
.....กิจกรรมการออกแบบการเรียนการสอน (instructional design) นั้นไม่ใช่กิจกรรมการออกแบบและสร้างระบบการสอนขึ้นใหม่ แต่เป็นกระบวนการนำรูปแบบ (model) ที่มีผู้คิดสร้างไว้แล้วมาใช้ตามขั้นตอน (step) ต่าง ๆ ที่เจ้าของรูปแบบนั้นกำหนดไว้อาจจะมีคำถามว่า ถ้าไม่ได้ออกแบบระบบเอง ทำไมจึงใช้คำว่า “ ออกแบบการเรียนการสอน” คำตอบที่ชัดเจนก็คือ ผู้ใช้รูปแบบ (model) ของการสอนนั้นจำเป็นต้องออกแบบตามขั้นตอนต่าง ๆ ของรูปแบบนั้น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากรูปแบบ (model) ที่มีผู้สร้างไว้ให้นั้นเป็นเพียงกรอบและแนวทางในการดำเนินงานเท่านั้น รายละเอียดต่างๆ ภายในขั้นตอนจะแตกต่างกันออกไปตามสภาพปัญหา จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ลักษณะของผู้เรียน และเงื่อนไขต่าง ๆ
การออกแบบการเรียนการสอน (Instructional design)
.....จากที่กล่าวมาในตอนต้น ๆ ทำให้ทราบความเป็นมาของระบบการสอนรวมถึงคำว่า “ระบบ” ว่าเป็นอย่างไร และปรับเปลี่ยนดัดแปลงการออกแบบการเรียนการสอนด้วยเหตุใด ต่อไปนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของการออกแบบการเรียนการสอน โดยจะเริ่มจากความเป็นมา ความหมาย ระดับของการออกแบ องค์ประกอบ รูปแบบของการออกแบบการเรียนการสอน และสุดท้ายคือ กระบวนการขั้นตอนการออกแบบการเรียนการสอน
ความเป็นมาของการออกแบบการเรียนการสอน
.....การออกแบบการเรียนการสอน (ID) เกิดจากการใช้กระบวนการของวิธีระบบ (system approach) ในการฝึกทหารของกองทัพบกอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีความเชื่อว่า การเรียนรู้ใด ๆ ไม่ควรจะเกิดอย่างบังเอิญ แต่ควรเกิดจากการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม มีกระบวนการ มีขั้นตอน และสามารถวัดผลจากการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน
.....ในการออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยความรู้ศาสตร์ สาขาต่าง ๆ อันได้แก่ จิตวิทยาการศึกษา การสื่อความหมาย การศึกษาศาสตร์ทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วม
ความหมายของการออกแบบการเรียนการสอน
.....การออกแบบการเรียนการสอน คือ ศาสตร์ (Science) ในการกำหนดรายละเอียด รายการต่าง ๆ เพื่อพัฒนา การประเมินและการทำนุบำรุงรักษาให้คงไว้ของสภาวะต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งในเนื้อหาจำนวนมาก หรือเนื้อหาสั้น ๆ (Richey, 1986)
ปัญหาในระบบการเรียนการสอน
....เป้าหมายหลักของครูหรือนักฝึกอบรมในการสอน คือการช่วยให้ผู้เขียนหรือผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ และในการช่วยให้เกิดการเรียนรู้นี้มีปัญหาหลัก ๆ อยู่หลายประการที่ผู้ออกแบบการเรียนการสอนจะต้องตระหนักและพยายามหลีกเลี่ยง ปัญหาดังกล่าวคือ
.....1. ปัญหาด้านทิศทาง (Direction)
.....2. ปัญหาด้านการวัดผล (Evaluation)
.....3. ปัญหาด้านเนื้อหาและการลำดับเนื้อหา (Content and Sequence)
.....4. ปัญหาด้านวิธีการ (Method)
.....5. ปัญหาข้อจำกัดต่าง ๆ (Constraint)
ปัญหาด้านทิศทาง
.....ปัญหาด้านทิศทางของผู้เรียนก็คือ ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนอะไร
ต้องสนใจจุดไหน สรุปแล้วพูดไว้ว่าเป็นปัญหาด้านจุดมุ่งหมาย
ปัญหาด้านการวัดผล
.....ปัญหาการวัดผลนี้จะเกิดขึ้นกับทั้งผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะมีปัญหา เช่น จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เรียนของตนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ จะรู้ได้อย่างไรว่าวิธีการที่ตนใช้อยู่นั้นใช้ได้ผลดี ถ้าจะปรับปรุงเนื้อหาที่สอนจะปรับปรุงตรงไหน จะให้คะแนนอย่างยุติธรรมได้อย่างไร
ปัญหาของผู้เรียนเกี่ยวกับการวัดผลอาจเป็น ฉันเรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งนี้ ข้อสอบยากเกินไป ข้อสอบกำกวม อื่น ๆ
.....ปัญหาการวัดผลนี้จะเกิดขึ้นกับทั้งผู้สอนและผู้เรียน ผู้สอนจะมีปัญหา เช่น จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เรียนของตนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ จะรู้ได้อย่างไรว่าวิธีการที่ตนใช้อยู่นั้นใช้ได้ผลดี ถ้าจะปรับปรุงเนื้อหาที่สอนจะปรับปรุงตรงไหน จะให้คะแนนอย่างยุติธรรมได้อย่างไร
ปัญหาของผู้เรียนเกี่ยวกับการวัดผลอาจเป็น ฉันเรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งนี้ ข้อสอบยากเกินไป ข้อสอบกำกวม อื่น ๆ
ปัญหาด้านเนื้อหา
และการลำดับเนื้อหา
.....ปัญหานี้เกิดขึ้นกับครูและผู้เรียนเช่นเดี่ยวกัน ในส่วนของครูอาจจะสอนเนื้อหาที่ไม่ต่อเนื่องกัน เนื้อหายากเกินไป เนื้อหาไม่ตรงกับจุดมุ่งหมาย เนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน และอื่น ๆ อีกมากมาย ในส่วนของผู้เรียนก็จะเกิดปัญหาเช่นเดี่ยวกับที่กล่าวข้างต้นอันเป็นผลมาจากครู อาจเป็นการสอนหรือวิธีการสอนของครูทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่าย ไม่อยากเข้าห้องเรียน มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียนสิ่งนั้น ๆ หรือปัญหาการสอนที่ไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้ เช่น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้องถ่ายวิดีโอได้อย่างชำนาญ แต่วิธีสอนกลับบรรยายให้ฟังเฉย ๆ และผู้เรียนไม่มีสิทธิจับกล้องเลย เป็นต้น
.....ปัญหานี้เกิดขึ้นกับครูและผู้เรียนเช่นเดี่ยวกัน ในส่วนของครูอาจจะสอนเนื้อหาที่ไม่ต่อเนื่องกัน เนื้อหายากเกินไป เนื้อหาไม่ตรงกับจุดมุ่งหมาย เนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน และอื่น ๆ อีกมากมาย ในส่วนของผู้เรียนก็จะเกิดปัญหาเช่นเดี่ยวกับที่กล่าวข้างต้นอันเป็นผลมาจากครู อาจเป็นการสอนหรือวิธีการสอนของครูทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่าย ไม่อยากเข้าห้องเรียน มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียนสิ่งนั้น ๆ หรือปัญหาการสอนที่ไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้ เช่น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าให้ผู้เรียนสามารถใช้กล้องถ่ายวิดีโอได้อย่างชำนาญ แต่วิธีสอนกลับบรรยายให้ฟังเฉย ๆ และผู้เรียนไม่มีสิทธิจับกล้องเลย เป็นต้น
ปัญหาข้อจำจัดต่าง ๆ
.....ในการสอนหรือการฝึกอบรมนั้นต้องใช้แหล่งทรัพยากร 3 ลักษณะ คือ บุคลากร ครูผู้สอน และสถาบันต่าง ๆ บุคลาการที่ว่านี้อาจจะเป็นวิทยากร ผู้ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น พนักงานพิมพ์ ผู้ควบคุมเครื่องไม้เครื่องมือ หรืออื่น ๆ
.....สถาบันต่าง ๆ หมายถึง แหล่งที่เป็นความรู้ แหล่งที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนต่าง ๆ อาจเป็นห้องสมุด หน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น
องค์ประกกอบของการออกแบบการเรียนการสอน
.....ดังได้กล่าวข้างต้นว่า การออกแบบการเรียนการสอนให้หลักการแนวทางของระบบ ดังนั้นในการออกแบบการเรียนการสอนจึงประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ได้ และในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนก็จะมีกลไกในการปรับปรุงแก้ไขตัวเอง อันได้แก่ กระบวนการใช้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) จากการประเมินผลที่เรียกว่า การประเมินผลเพื่อการปรับปรุง (formative evaluation)
เนื่องจากมีรูปแบบ (Model) สำหรับนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนอยู่มากมายจึงมีความหลากหลายในองค์ประกอบในรูปแบบนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเรียนการสอนใด ๆ ก็จะยึดแนวทางของรูปแบบดั้งเดิม (generic model)
รูปแบบดั้งเดิม (Generic model)
.....1. การวิเคราะห์ (Analysis)
.....2. การออกแบบ (Design)
.....3. การพัฒนา (Development)
.....4. การนำไปใช้ (Implementation)
.....5. การประเมินผล (Evaluation)
.....จากรูปแบบดังเดิม (Generic model) นี้จะมีผู้รู้ต่าง ๆ นำไปสังเคราะห์เป็นรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ตามความเชื่อความต้องการของตน
รูปแบบต่าง ๆ ของการออกแบบการเรียนการสอน
....ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างรูปแบบการเรียนการสอนที่มีผู้คิดสร้างขึ้นเพื่อให้เห็นองค์ประกอบ รายละเอียดโดยสังเขปและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ
รูปแบบการสอนของดิคค์และคาเรย์ (Dick and Carey model)
.....รูปแบบการสอน (Model) ของดิคค์และคาเรย์ ประกอบด้วยองค์ประกอบด้วย 10 ขั้นด้วยกัน คือ
.........1. การกำหนดเป้าหมายของการเรียนการสอน (Identify Instructional Goals)
.........2. ดำเนินการวิเคราะห์การเรียนการสอน (Conduct Instructional Analysis)
.........3. กำหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลักษณะผู้เรียน (Identify Entry Behaviors, Characteristics)
.........4. เขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม (Write Performance Objective)
.........5. พัฒนาข้อสอบอิงเกณฑ์ (Develop Criterion - Referenced Test Items)
.........6. พัฒนายุทธวิธีการสอน (Develop Instructional Strategies)
.........7. พัฒนาและเลือกวัสดุการเรียนการสอน (Develop and Select Instructional Materials)
.........8. ออกแบบและดำเนินการประเมินเพื่อการปรับปรุง (Design and Conduct Formative Evaluation)
.........9. การปรับปรุงการสอน (Revise Instruction)
.........10. การออกแบบและดำเนินการประเมินระบบการสอน (Design and Conduct Summative E valuation)
.....ในการสอนหรือการฝึกอบรมนั้นต้องใช้แหล่งทรัพยากร 3 ลักษณะ คือ บุคลากร ครูผู้สอน และสถาบันต่าง ๆ บุคลาการที่ว่านี้อาจจะเป็นวิทยากร ผู้ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น พนักงานพิมพ์ ผู้ควบคุมเครื่องไม้เครื่องมือ หรืออื่น ๆ
.....สถาบันต่าง ๆ หมายถึง แหล่งที่เป็นความรู้ แหล่งที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุนต่าง ๆ อาจเป็นห้องสมุด หน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น
องค์ประกกอบของการออกแบบการเรียนการสอน
.....ดังได้กล่าวข้างต้นว่า การออกแบบการเรียนการสอนให้หลักการแนวทางของระบบ ดังนั้นในการออกแบบการเรียนการสอนจึงประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ได้ และในกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนก็จะมีกลไกในการปรับปรุงแก้ไขตัวเอง อันได้แก่ กระบวนการใช้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) จากการประเมินผลที่เรียกว่า การประเมินผลเพื่อการปรับปรุง (formative evaluation)
เนื่องจากมีรูปแบบ (Model) สำหรับนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนอยู่มากมายจึงมีความหลากหลายในองค์ประกอบในรูปแบบนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเรียนการสอนใด ๆ ก็จะยึดแนวทางของรูปแบบดั้งเดิม (generic model)
รูปแบบดั้งเดิม (Generic model)
.....1. การวิเคราะห์ (Analysis)
.....2. การออกแบบ (Design)
.....3. การพัฒนา (Development)
.....4. การนำไปใช้ (Implementation)
.....5. การประเมินผล (Evaluation)
.....จากรูปแบบดังเดิม (Generic model) นี้จะมีผู้รู้ต่าง ๆ นำไปสังเคราะห์เป็นรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ตามความเชื่อความต้องการของตน
รูปแบบต่าง ๆ ของการออกแบบการเรียนการสอน
....ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างรูปแบบการเรียนการสอนที่มีผู้คิดสร้างขึ้นเพื่อให้เห็นองค์ประกอบ รายละเอียดโดยสังเขปและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ
รูปแบบการสอนของดิคค์และคาเรย์ (Dick and Carey model)
.....รูปแบบการสอน (Model) ของดิคค์และคาเรย์ ประกอบด้วยองค์ประกอบด้วย 10 ขั้นด้วยกัน คือ
.........1. การกำหนดเป้าหมายของการเรียนการสอน (Identify Instructional Goals)
.........2. ดำเนินการวิเคราะห์การเรียนการสอน (Conduct Instructional Analysis)
.........3. กำหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลักษณะผู้เรียน (Identify Entry Behaviors, Characteristics)
.........4. เขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม (Write Performance Objective)
.........5. พัฒนาข้อสอบอิงเกณฑ์ (Develop Criterion - Referenced Test Items)
.........6. พัฒนายุทธวิธีการสอน (Develop Instructional Strategies)
.........7. พัฒนาและเลือกวัสดุการเรียนการสอน (Develop and Select Instructional Materials)
.........8. ออกแบบและดำเนินการประเมินเพื่อการปรับปรุง (Design and Conduct Formative Evaluation)
.........9. การปรับปรุงการสอน (Revise Instruction)
.........10. การออกแบบและดำเนินการประเมินระบบการสอน (Design and Conduct Summative E valuation)

........ระบบการสอนของเกอร์ลาชและอีลาย (Ger lach and Ely Model) เกอร์ลาชและอีลายเสนอรูปแบบการออกแบบการสอนประกอบด้วยองค์ประกอบ 10 อย่างด้วยกันคือ
............1. การกำหนด เป็นการกำหนดว่าต้องการให้ผู้เรียนรู้อะไร แค่ไหน อย่างไร
............2. การกำหนดเนื้อหา (Specify Content) เป็นการกำหนดว่าผู้เรียนต้องเรียนอะไรบ้างในอันที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
............3. การวิเคราะห์ประสบการณ์เดิมของผู้เรียน (Analyze Learner Background Knowledge) เพื่อทราบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน
............4. เลือกวิธีสอน (Select Teaching Method) ทำการเลือกวิธีสอนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย
............5. กำหนดขนาดของกลุ่ม (Determine Group Size) เลือกว่าจะสอนเป็นกลุ่มย่อยหรือกลุ่มใหญ่อย่างไร
............6. กำหนดเวลา (Time Allocation) กำหนดว่าจะใช้เวลาในการสอนมากน้อยเพียงใด
............7. กำหนดสถานที่ เครื่องอำนวยความสะดวก (Specify Setting and Facilities) กำหนดว่าจะสอนที่ไหน ต้องเตรียมอะไรบ้าง
............8. เลือกแหล่งวิชาการ (Select Learning Resources) ต้องใช้สื่ออะไร อย่างไร
............9. ประเมินผล (Evaluation) ดูว่าการสอนเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่
............10. วิเคราะห์ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงแก้ไข (Analyze Feedback for Revision) เป็นการวิเคราะห์ว่าถ้าการสอนไม่ได้ผลตามจุดมุ่งหมายจะทำการปรับปรุงแก้ไขตรงไหนอย่างไร

....จากตัวอย่างรูปแบบระบบการสอนที่ยกมาจะเห็นว่าจะอยู่ในกรอบของรูปแบบดังเดิม (Generic model) ทั้งสิ้น
การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis)
.....การวิเคราะห์ระบบ คือ กระบวนการศึกษาขอบข่าย (Network) ของปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ในระบบ เพื่อจะเสนอแนวทางในการดำเนินการเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบนั้น ๆ (Semprevivo , 1982)
.....ในการออกแบบการเรียนการสอนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการสอนของใครก็ตาม จะมีกลไกหรือมี ข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ระบบอยู่แล้ว ข้อมูลดังกล่าวคือ ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) ต่าง ๆ การที่ระบบการสอนมีองค์ประกอบให้เห็นอย่างชัดเจนและแสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ ต่าง ๆ อย่างชัดเจน จะช่วยให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ว่าปัญหาระบบเกิดจากอะไร
.....การดำเนินการวิเคราะห์ระบบในรูปแบบ (Model) การสอนต่าง ๆ นั้นทำได้ง่ายเพราะมีผู้จัดสร้างกลไกและจัดหาข้อมูลเตรียมไว้ให้แล้ว แต่ถ้าจะดำเนินการวิเคราะห์ระบบอื่นใดที่นอกเหนือไปจากนี้แล้วกระบวนการคิดวิเคราะห์ก็จะต้องมีรายละเอียดและกระบวนการเพิ่มมากขึ้น ในที่นี้จะขอเสนอแนวทางในการวิเคราะห์ระบบสำหรับระบบโดยทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่ระบบการเรียนการสอน ในการวิเคราะห์ระบบจะประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เป็นวงจรชีวิต (Life cycle) ดังต่อไปนี้ คือ
............1. การกำหนดปัญหา (Problem definition)
............2. การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล (Data collection and analysis)
............3. การวิเคราะห์ทางเลือกของระบบ (Analysis of system alternatives)
............4. ศึกษาความเป็นไปได้ของทางเลือก (Determination 0f feasibility)
............5. การพัฒนาแนวคิดเพื่อเสนอขอความคิดเห็น (Development 0f the systems proposal)
............6. การพัฒนาและทดลองใช้ต้นแบบ (Pilot of prototype systems development)
............7. การออกแบบระบบ (System design)
............8. การพัฒนาโปรแกรม (Program development)
............9. การนำระบบใหม่เข้าไปใช้ (System implementation)
............10. การตรวจสอบและการประเมินระบบ (Systems implementation)
.....กิจกรรมทั้ง 10 นี้ ปกติแล้วจะไม่สามารถดำเนินการในลักษณะที่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาดได้
เพราะในลักษณะการทำงานจริง กิจกรรมเหล่านี้จะมี่ความเกี่ยวโยงกันจนแยกไม่ออก ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า กระบวนการวิเคราะห์ระบบทั้ง 10 นี้ ข้อที่กล่าวมาข้างต้นใช้สำหรับการ วิเคราะห์ระบบที่นอกเหนือจากระบบการเรียนการสอน ทั้งนี้เนื่องจากระบบการเรียนการสอนนั้นได้สร้างกลไกและข้อมูลสำหรับตรวจสอบแก้ไขระบบอยู่ในตัวแล้ว วิธีการเชิงระบบในการออกแบบการเรียนการสอน โดย ผศ.ดร.รสสุคนธ์ มกรมณี
.....ในการดำเนินภารกิจการสอน ครูจะต้องมีการวางแผนจัดการเรียนรู้และตั้งวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้นั้นๆ ให้ดีเสียก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในเตรียมเนื้อหาบทเรียนและวิธีการสอนที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์คือการที่ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ การจัดระบบการเรียนการสอนคือกระบวนการที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สอนว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และถ้าหากมีปัญหาหรือความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็จะสามารถแก้ไขได้ตรงจุด การเรียนการสอนจึงมีการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายหลักของการจัดระบบการเรียนการสอนมี
2 ประการคือ
..........1. เพื่อจัดกระบวนการเรียนการสอนให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน โดยใช้วิธีการต่างๆ ในการเอื้ออำนวยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
..........2. เพื่อออกแบบระบบการเรียนการสอน โดยใช้วิธีการที่เป็นระบบในการออกแบบ การวางแผน การนำไปใช้ และการประเมินกระบวนการทั้งหมดของระบบการสอนนั้น
ระบบการเรียนการสอนต้องอาศัยองค์ประกอบหลายส่วนมาร่วมกันทำงานให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม
..........1. เพื่อจัดกระบวนการเรียนการสอนให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน โดยใช้วิธีการต่างๆ ในการเอื้ออำนวยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
..........2. เพื่อออกแบบระบบการเรียนการสอน โดยใช้วิธีการที่เป็นระบบในการออกแบบ การวางแผน การนำไปใช้ และการประเมินกระบวนการทั้งหมดของระบบการสอนนั้น
ระบบการเรียนการสอนต้องอาศัยองค์ประกอบหลายส่วนมาร่วมกันทำงานให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม
อ้างอิง
ผศ.ดร.กรองได อุณหสูต
การออกแบบการเรียนรู้ เป็นการออกแบบที่มีเป้าหมายความเข้าใจในการเรียนรู้
ผู้ออกแบบหรือผู้สอนจึงต้องคิดอย่างนักประเมินผล
ตระหนักถึงหลักฐานของความเข้าใจทั้ง 6 ด้าน
ที่ชัดเจนและลึกซึ้ง โดยผู้เรียนสามารถอธิบาย แปลความ ในการนำไปประยุกต์ใช้
การออกแบบการเรียนรู้จึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถ
ในการแสดงความสามารถการนำเสนอมุมมองได้อย่างหลากหลาย ดังนี้
1.
ความสามารถในการอธิบาย ผู้เรียนสามารถอธิบาย
ด้วยหลักการที่เป็นเหตุและผล อย่างเป็นระบบ
การประเมินผล ใช้วิธีการพูดคุยเพื่อประเมินเหตุผลจากการอธิบายของผู้เรียน การมอบหมายงานที่ใช้ทักษะการเขียน การเรียงความ หรือย่อความ การสอบถามถึงประเด็นที่ผู้เรียนมักสับสนหรือหลงประเด็น การให้ผู้เรียนสรุปประเด็นการเรียนรู้ และการสังเกตลักษณะคำถามที่ผู้เรียนสอบถาม
2. ความสามารถในการแปลความ ผู้เรียนสามารถแปลความได้ชัดเจน และตรงประเด็น
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนเขียนสะท้อนเรื่องราว แนวคิด หรือทฤษฎี เพื่อประเมินเกี่ยวกับการลำดับ ไล่เรียง และความชัดเจนของสาระเนื้อหา
3. ความสามารถในการประยุกต์ใช้ ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ที่กำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ การให้ผู้เรียนประเมินหรือเขียนข้อมูลป้อนกลับจากการนำความรู้ไปใช้
4. ความสามารถในการมองมุมที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถเสนอมุมมองใหม่ ที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ
การประเมินผล ใช้วิธีการวิเคราะห์วิจารณ์ โดยให้ผู้เรียนเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย แนวทางในการคิด การมองจากสถานการณ์ตัวอย่าง
5. ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ผู้เรียนมีความพร้อมในการรับฟังและสนองตอบ
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินความสามารถในการสมมติ การเข้าไปนั่งในใจผู้อื่น
6. ความสามารถในการเข้าใจตนเอง ผู้เรียนมีความใส่ใจ พร้อมปรับตัวรับการเรียนรู้ใหม่
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินเปรียบเทียบผลงานของตัวเองแต่ละช่วงเวลา มีความรู้และเข้าใจมากขึ้นเพียงไร
การประเมินผล ใช้วิธีการพูดคุยเพื่อประเมินเหตุผลจากการอธิบายของผู้เรียน การมอบหมายงานที่ใช้ทักษะการเขียน การเรียงความ หรือย่อความ การสอบถามถึงประเด็นที่ผู้เรียนมักสับสนหรือหลงประเด็น การให้ผู้เรียนสรุปประเด็นการเรียนรู้ และการสังเกตลักษณะคำถามที่ผู้เรียนสอบถาม
2. ความสามารถในการแปลความ ผู้เรียนสามารถแปลความได้ชัดเจน และตรงประเด็น
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนเขียนสะท้อนเรื่องราว แนวคิด หรือทฤษฎี เพื่อประเมินเกี่ยวกับการลำดับ ไล่เรียง และความชัดเจนของสาระเนื้อหา
3. ความสามารถในการประยุกต์ใช้ ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ที่กำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ การให้ผู้เรียนประเมินหรือเขียนข้อมูลป้อนกลับจากการนำความรู้ไปใช้
4. ความสามารถในการมองมุมที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถเสนอมุมมองใหม่ ที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ
การประเมินผล ใช้วิธีการวิเคราะห์วิจารณ์ โดยให้ผู้เรียนเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย แนวทางในการคิด การมองจากสถานการณ์ตัวอย่าง
5. ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ผู้เรียนมีความพร้อมในการรับฟังและสนองตอบ
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินความสามารถในการสมมติ การเข้าไปนั่งในใจผู้อื่น
6. ความสามารถในการเข้าใจตนเอง ผู้เรียนมีความใส่ใจ พร้อมปรับตัวรับการเรียนรู้ใหม่
การประเมินผล ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินเปรียบเทียบผลงานของตัวเองแต่ละช่วงเวลา มีความรู้และเข้าใจมากขึ้นเพียงไร
การออกแบบการสอน —
Presentation Transcript
1. การออกแบบการสอน
ความเป็นมาและพัฒนาการออกแบบการสอน
2. เนื้อหา ความหมายการออกแบบการสอน
ความเป็นมาและพัฒนาการออกแบบการสอน หลักการขั้นตอนของการออกแบบการสอน
ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน ประโยชน์ของการออกแบบการสอน 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
3. การออกแบบการสอน หมายถึง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงจากหลักการเรียนรู้และการสอนมาสู่การ
วางแผนสำหรับการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรม การเรียน ( Smit & Ragan,
1999 ) 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ความหมายการออกแบบการสอน
4. การออกแบบการสอน หมายถึง
การนำวิธีระบบมาประยุกต์ใช้กำหนดรูปแบบ ของการวางแผนจัดการเรียน การสอน
ซึ่งในการวางแผนจัดการเรียนการสอนแต่ละครั้ง ต้องพิจารณาที่ปัจจัย Input กระบวนการ Process ผลผลิต Output และผลกระทบ Impact ( ไพฑูรย์ ปลอดอ่อน ) 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ความหมายการออกแบบการสอน
5. การออกแบบการสอน หมายถึง
กระบวนการครบวงจรสำหรับการวิเคราะห์ความต้องการในการเรียน เป้าหมายในการเรียน
และการพัฒนาระบบในการนำส่งความรู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
โดยกระบวนการในการพัฒนานี้ครอบคลุมการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอน
กิจกรรมการเรียนการสอนการทดลอง การปรับปรุงการเรียนการสอน และกิจกรรม
ในการวัดและประเมินผลผู้เรียน (Briggs, 1997) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม ความหมายการออกแบบการสอน
6. สรุป การออกแบบการสอน หมายถึง
หลักการหรือศาสตร์ในการกำหนดรายละเอียด ของรายการต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนา
ประเมิน และทำนุบำรุง รักษาให้คงไว้ของสภาวะต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ต่อไป
ความหมายการออกแบบการสอน ( ต่อ )
7. ความเป็นมาของการออกแบบการสอน ธอร์นไดค์
( Edward L. Thorndike,1898 ) พัฒนาทฤษฎีการเรียนรู้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
โดยเริ่มทดลองกับสัตว์ “อินทรีย์สร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยง
ระหว่างสิ่งเร้า ( Stimulus ) และการ สนองตอบ ( Response
)” 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
8. 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
แฟรงคลิน ( Franklin Bobbilt,1920-30 ) พัฒนาการสอนรายบุคคล “
เป้าหมายของโรงเรียน ควรมาจากพื้นฐานการวิเคราะห์ทักษะที่จำเป็น
สำหรับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ” ความเป็นมาของการออกแบบการสอน
( ต่อ )
9. ไทเลอร์ ( Ralph W. Tyler,1930 ) ปรับปรุงกระบวนการการเขียนวัตถุประสงค์การสอน “ วัตถุประสงค์การสอน
เชิงพฤติกรรม ( Student Behaviors ) ประเมินเพื่อปรับปรุง”
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ความเป็นมาของการออกแบบการสอน ( ต่อ )
10. เบนจามิน บลูม ( Benjamin
Bloom,1956 ) จำแนกวัตถุประสงค์ทางการศึกษา เป็นลำดับขั้นที่ชัดเจน
( Taxonomy of Educational Objectives ) “ ใช้ทั่วไปในกลุ่มสาขาศึกษาศาสตร์จนถึงปัจจุบัน”
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ความเป็นมาของการออกแบบการสอน ( ต่อ )
11. บี เอฟ สกินเนอร์ ( B. F.
Skinner,1950-60 ) เสนอแนวทฤษฎีการวางเงื่อนไข ( Operant
Conditioning ) ซึ่งมีรากฐานมาจากแนวคิดของ ธอร์นไดค์ “เน้นการเสริมแรงในการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง” “ แนวคิดของ Skinner เป็นที่มาของ วิธีระบบ ( System
Approach ) ในการออกแบบ ( Design ) การพัฒนา (Development)
การประเมิน (Evaluation) และการปรับปรุง (Revise)
” 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ความเป็นมาของการออกแบบการสอน ( ต่อ )
12. โรเบิร์ต กาเย ( Robert
Gagne,1960 ) นำเสนอแนวคิดทางพุทธิปัญญา ( Cognitive Theories
) มาใช้ในการออกแบบการสอน “ ศึกษาความเข้าใจ (
Understand ) ที่เกิดขึ้นในจิตใจ (Mind) ” “ ปลายปี ค . ศ . 1960 การออกแบบการสอน
ได้รับการยอมรับว่าเป็นสาขาวิชา ” เกิดคำว่า “
Instructional System ” 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม ความเป็นมาของการออกแบบการสอน
( ต่อ )
13. ความเป็นมาของการออกแบบการสอน ( ต่อ ) ค
. ศ . 1970 ทฤษฎีการเรียนรู้ การประมวลสารสนเทศ ( Information
Processing ) มีบทบาทอย่างมาก ปัจจุบันทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ( Constructivism
) กำลังได้รับความสนใจ ” ” 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
14. ID1 พื้นฐานมาจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม ID2 พื้นฐานมาจากกลุ่มพุทธิปัญญานิยม พื้นฐานจาก Constructivism
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะส ม
พัฒนาการออกแบบการสอน
15. ID1 พื้นฐานมาจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม
ตามแนวคิดนี้การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากประสบการณ์ที่คนเรา
มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือจากการฝึกหัด การออกแบบการสอนในยุคแรก (ID1)
ที่พบในปัจจุบัน ได้แก่ บทเรียนโปรแกรม ชุดการสอน
และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะส ม การออกแบบการสอนในยุคที่ 1
16. ลักษณะสำคัญของการออกแบบการสอนในยุค ID1
1. ระบุวัตถุประสงค์การสอนที่ชัดเจน 2. การสอนในแต่ละขั้นตอนนำไปสู่การเรียนแบบรอบรู้ในหน่วยการสอนรวม
3. ให้ผู้เรียนได้เรียนตามอัตราการเรียนรู้ของตนเอง 4.
ดำเนินการไปตามโปรแกรมหรือลำดับขั้นที่กำหนดไว้
การออกแบบการสอนในยุคที่ 1 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
17. ID2 พื้นฐานมาจากกลุ่มพุทธิปัญญานิยม
ตามแนวคิดนี้ การเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรียนเกิดจากการจัดระเบียบ ขยายความคิด
และจัดหมวดหมู่ของความจำลง สู่โครงสร้างทางปัญญา โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับกระบวน
การคิด
การให้เหตุผลของผู้เรียนซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าภายนอกกับสิ่งเร้าภายใน
คือ ส่งผ่านสื่อไปยังความรู้ความเข้าใจ กระบวนการรู้ การคิดที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้
การออกแบบการสอนในยุคที่ 2 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
18. พื้นฐานจาก คอนสตัคติวิสต์ ( Constructivism
) ตามแนวคิดนี้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดยการสร้างความรู้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้สร้างสิ่งที่แทนความรู้ความจำในระยะทำงานอย่างตื่นตัว
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
การออกแบบการสอนในยุคที่ 3
19. พื้นฐานจาก คอนสตัคติวิสต์ ( Constructivism
) ครูผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทางหรือโมเดลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการเรียนรู้ในยุคนี้จะเน้นการพัฒนากระบวนการคิดอย่างอิสระให้ผู้เรียน
สร้างความรู้ได้ ด้วยตนเอง
ตลอดจนเรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเองโดยวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย
สามารถคิดแบบองค์รวมได้ 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม การออกแบบการสอนในยุคที่ 3
20. การใช้วิธีระบบในการฝึกทหารของกองทัพบกอเมริกันช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 เชื่อว่า “การเรียนรู้ใด ๆ
ไม่ควรเกิดอย่างบังเอิญ แต่ควรเกิดจากการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
มีกระบวนการขั้นตอน และสามารถวัดผลจากการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน” การออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยความรู้ศาสตร์ สาขา ต่าง ๆ ได้แก่
จิตวิทยาการศึกษา การสื่อความหมาย การศึกษาศาสตร์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาร่วม 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
พัฒนาการออกแบบการสอน
21. แนวคิดของ ADDIE 1. ขั้นการวิเคราะห์ (Analysis) - กำหนดหัวเรื่องและวัตถุประสงค์ทั่วไป - วิเคราะห์ผู้เรียน -
วิเคราะห์วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม - วิเคราะห์เนื้อหา 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
22. แนวคิดของ ADDIE 2. ขั้นการออกแบบ (Design Phase) - การออกแบบบทเรียน -
การออกแบบผังงาน (Flowchart) - การออกแบบบทดำเนินเรื่อง (Storyboard)
- การออกแบบหน้าจอภาพ (Screen Design) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
23. แนวคิดของ ADDIE 3. ขั้นพัฒนา (Development) - การเตรียมการ -
การสร้างบทเรียน - การสร้างเอกสารประกอบการเรียน 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
24. แนวคิดของ ADDIE 4. ขั้นการนำไปทดลองใช้ ( Imprementation) การนำบทเรียนไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
เพื่อตรวจสอบ ความเหมาะสมของบทเรียนในขั้นต้น ปรับปรุงแก้ไขก่อนนำไปใช้
กับกลุ่มเป้าหมายจริง เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียน และนำไป
ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมและประสิทธิภาพ 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
25. แนวคิดของ ADDIE 5. ขั้นการประเมินผล ( Evaluation) การประเมินผล คือ
การเปรียบเทียบกับการเรียน การสอนแบบปกติ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม เรียนด้วยบทเรียน ที่สร้างขึ้น 1 กลุ่ม
และเรียนด้วยการสอนปกติอีก 1 กลุ่ม หลังจากนั้น จึงให้ผู้เรียนทั้งสองกลุ่ม
ทำแบบทดสอบชุดเดียวกัน และแปลผล คะแนนที่ได้ สรุปเป็นประสิทธิภาพของบทเรียน 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
26. แนวคิดของ ADDIE 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
27. หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 1.
การสร้างการเรียนรู้ ( Learning Constructed) ความรู้จะถูกสร้างจากประสบการณ์
การเรียนรู้เป็น กระบวนการสร้างสิ่งแทนความรู้ ในสมองที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างขึ้น
28. แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 2. การแปลความหมายของแต่ละคน ( Interpretationpersonal) การเรียนรู้เป็นการแปลความหมายตามสภาพจริง หรือประสบการณ์ของแต่ละคน 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ ( ต่อ )
29. แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 3. การเรียนรู้เกิดจาการลงมือกระทำ ( Learning active) การเรียนรู้เป็นการที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำซึ่งเป็นการสร้างความหมายโดยอาศัยพื้นฐานของประสบการณ์
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ ( ต่อ )
30. แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 4. การเรียนรู้ที่เกิดจากการร่วมมือ ( Learning Collaborative) เกิดจากแนวคิดที่หลากหลายในกลุ่ม และปรับเปลี่ยนสร้างเป็นสิ่งแทนความรู้ในสมอง
ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับคนอื่นจากการร่วมแสดงแนวคิดที่หลากหลายที่จะทำให้เกิดปัญหาเฉพาะนำไปสู่การเลือกจุดหรือสถานการณ์ที่ทุกคนยอมรับในระหว่างกัน
" 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ ( ต่อ
)
31. แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ ( ต่อ )
แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 5. การเรียนรู้ที่เหมาะสม ( Learning
Situated) ควรเกิดขึ้นในสภาพชั้นเรียนจริง ( Situated or
anchored) " การเรียนรู้ต้องเหมาะสมกับบริบทของสภาพจริง
หรือสะท้อนบริบทที่เป็นสภาพจริง " 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
32. แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ ( ต่อ )
แนวคิดของคอนสตัคติวิสต์ 6. การทดสอบเชิงการบูรณาการ ( Testing
Integrated) การทดสอบควรจะเป็นการบูรณาการเข้ากับภารกิจการเรียน ( Task)
ไม่ควรเป็นกิจกรรมที่แยกออกจากบริบท การเรียนรู้ " การวัดการเรียนรู้
เป็นวิธีการที่ผู้เรียนใช้โครงสร้างความรู้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้เกิดการคิดในเนื้อหาการเรียนรู้นั้น
ๆ " 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
33. แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert
Gange' ) 1. เร่งเร้าความสนใจ ( Gain Attention ) 2 . บอกวัตถุประสงค์ ( Specify Objective ) 3 . ทบทวนความรู้เดิม
( Activate Prior Knoeledge ) 4 . นำเสนอเนื้อหาใหม่ ( Present
New Information ) 5 . ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ ( Guide
Learning ) 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
34. แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert
Gange' ) 6 . กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน ( Elicit Response )
7 . ให้ข้อมูลย้อนกลับ ( Provide Feedback ) 8 . ทดสอบความรู้ใหม่ ( Assess Performance ) 9 . สรุปและนำไปใช้
( Review and Transfer ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
35. เร่งเร้าความสนใจ ( Gain
Attention ) กระตุ้นหรือเร้าให้ผู้เรียนเกิดความสนใจกับบทเรียนและเนื้อหาที่จะเรียน
การเร้าความสนใจผู้เรียนนี้อาจทำได้โดย การจัดสภาพแวดล้อมให้ดึงดูดความสนใจ
เช่นการใช้ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว และการใช้เสียงประกอบบทเรียน 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม แนวคิดของโรเบิร์ต
กาเย่ ( Robert Gange' )
36. บอกวัตถุประสงค์ ( Specify Objective
) การบอกให้ผู้เรียนทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนของตนเองได้โดยการเลือกศึกษาเนื้อหาที่ต้องการศึกษาได้เอง
ดังนั้นการที่ผู้เรียนได้ทราบถึงจุดประสงค์ของบทเรียนล่วงหน้าทำให้ผู้เรียนสามารถมุ่งความสนใจไปที่เนื้อหาบทเรียนที่เกี่ยวข้อง
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' )
37. ทบทวนความรู้เดิม ( Activate
Prior Knoeledge ) การทบทวนความรู้เดิมช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เนื้อหาใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
รูปแบบการทบทวนความรู้เดิมในบทเรียนบนเว็บทำได้หลายวิธีเช่น กิจกรรมการถาม -
ตอบคำถาม หรือการแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนอภิปรายหรือสรุปเนื้อหาที่ได้เคยเรียนมาแล้ว
เป็นต้น แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
38. นำเสนอเนื้อหาใหม่ ( Present New
Information ) การนำเสนอบทเรียนสามารถทำได้หลายรูปแบบด้วยกันคือ
การนำเสนอด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งวีดิทัศน์
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ผู้สอนควรให้ความสำคัญก็คือผู้เรียน
ผู้สอนควรพิจารณาลักษณะของผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้การนำเสนอบทเรียนเหมาะสมกับผู้เรียนมากที่สุด
แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
39. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ ( Guide
Learning ) การชี้แนวทางการเรียนรู้หมายถึงการชี้แนะให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้เรียนใหม่ผสมผสานกับความรู้เก่าที่เคยได้เรียนไปแล้ว
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็วและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
40. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน ( Elicit
Response ) ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน
นักการศึกษาต่างทราบดีว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจากการที่ผู้เรียนได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอนโดยตรง
ดังนั้น ในการจัดการเรียนการสอน จึงควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน
แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
41. ให้ข้อมูลย้อนกลับ ( Provide
Feedback ) การที่ผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนได้โดยตรงอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากบทบาทของผู้สอนนั้น เปลี่ยนจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แต่เพียงผู้เดียว
มาเป็นผู้ให้คำแนะนำและช่วยกำกับการเรียนของผู้เรียนรายบุคคล
ทำให้ผู้สอนสามารถติดตามก้าวหน้าและสามารถให้ผลย้อนกลับแก่ผู้เรียนแต่ละคนได้ด้วยความสะดวก
แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
42. ทดสอบความรู้ใหม่ ( Assess
Performance ) การทดสอบความรู้ใหม่หลังจากศึกษาบทเรียน เรียกว่า
การทดสอบหลังบทเรียน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเอง
นอกจากนี้จะยังเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
เพื่อที่จะไปศึกษาในบทเรียนต่อไปหรือต้องกลับไปศึกษาเนื้อหาใหม่ แนวคิดของโรเบิร์ต
กาเย่ ( Robert Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
43. สรุปและนำไปใช้ ( Review and
Transfer ) การสรุปและนำไปใช้ จัดว่าเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนสุดท้ายที่บทเรียนจะต้องสรุปมโนคติของเนื้อหาเฉพาะประเด็นสำคัญๆ
รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทบทวนความรู้ของตนเองหลังจากศึกษาเนื้อหาผ่านมาแล้ว
ในขณะเดียวกัน บทเรียนต้องชี้แนะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือให้ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
เพื่อแนะแนวทางให้ผู้เรียนได้ศึกษาต่อในบทเรียนถัดไป
หรือนำไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นต่อไป แนวคิดของโรเบิร์ต กาเย่ ( Robert
Gange' ) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
44. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 1. การกำหนดเป้าหมายของการสอน (Identify
Instructional Goals) เป็นการกำหนดความมุ่งหมายการสอน
ซึ่งต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายทางการศึกษา วิเคราะห์ความจำเป็น (Needs
Analysis) และวิเคราะห์ผู้เรียน 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
45. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 2. ดำเนินการวิเคราะห์การเรียนการสอน (Conduct
Instructional Analysis) เป็นการวิเคราะห์ภารกิจ
หรือวิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินการสอน ผลการวิเคราะห์การสอนที่ได้
จะเป็นการจัดหมวดหมู่ของภารกิจ (Task Classification) ตามลักษณะของจุดมุ่งหมายการสอน
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
46. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 3. กำหนดพฤติกรรมก่อนเรียนและลักษณะผู้เรียน (Identify
Entry Behaviors, Characteristics) การศึก
ษาพฤติกรรมเบื้องต้นและคุณลักษณะของผู้เรียน (Identify Entry Behaviors) ว่าเป็นผู้เรียนระดับใด มีพื้นความรู้ มากน้อย เพียงใด 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
47. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 4. เขียนจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม (Write
Performance Objective) เป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะหรือจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม
และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายการสอน เพื่อช่วยให้มองเห็นแนวทาง การเรียนการสอน
เป็นแนวทางในการวางแผนการจัดสภาพแวดล้อมการเรียน
ช่วยให้เห็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ ช่วยผู้เรียนให้เรียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
48. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 5. พัฒนาข้อสอบอิงเกณฑ์ (Develop Criterion
– Referenced Test Items) เป็นการสร้างแบบทดสอบแบบ อิงเกณฑ์
เพื่อประเมินการเรียนการสอน 6. พัฒนายุทธวิธีการสอน (Develop
Instructional Strategies) เป็นแผนการสอนหรือเหตุการณ์การสอน
ที่ช่วยให้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามจุดมุ่งหมาย 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
49. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 7. พัฒนาและเลือกวัสดุการเรียนการสอน (Develop
and Select Instructional Materials) เป็นการพัฒนาและเลือกสื่อ
การเรียนการสอนทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโสตทัศน์ 8. ออกแบบและดำเนินการประเมินเพื่อการปรับปรุง
(Design and Conduct Formative Evaluation) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
50. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 9. การปรับปรุงการสอน (Revise Instruction)
10. การออกแบบและดำเนินการประเมินระบบการสอน (Design and
Conduct Summative E valuation) เป็นขั้นการแก้ไขและปรับปรุงการสอน
ตั้งแต่ขั้นที่ 2 ถึงขั้นที่ 8 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
51. แนวคิดของดิคค์และคาเรย์ ( Dick
and Carey model) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
การปรับปรุงการสอน วิเคราะห์ การเรียน การสอน กำหนด เป้าหมาย การเรียน
เขียนจุดมุง - หมายเชิง พฤติกรรม พัฒนาข้อสอบ อิงเกณฑ์ พัฒนา ยุทธวิธี การสอน
พัฒนา วัสดุ การเรียน การสอน ประเมิน เพื่อการ ปรับปรุง กำหนด พฤติกรรม ก่อนเรียน
ประเมิน ระบบ การสอน
52. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 1. การกำหนด เป็นการกำหนดว่าต้องการให้ผู้เรียน
ได้รู้อะไร แค่ไหน อย่างไร 2. การกำหนดเนื้อหา (Specify
Content) เป็นการกำหนดว่า
ผู้เรียนต้องเรียนอะไรบ้างจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
53. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 3. การวิเคราะห์ประสบการณ์เดิมของผู้เรียน (Analyze
Learner Background Knowledge) เป็นการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบ
ความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน 4. เลือกวิธีสอน (Select
Teaching Method) ทำการเลือกวิธี สอนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
54. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 5. กำหนดขนาดของกลุ่ม (Determine Group
Size) เลือกว่า จะสอนเป็นกลุ่มย่อยหรือกลุ่มใหญ่อย่างไร 6. กำหนดเวลา (Time Allocation) กำหนดว่าจะใช้เวลา
ในการสอนมากน้อยเพียงใด 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
55. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 7. กำหนดสถานที่ เครื่องอำนวยความสะดวก (Specify
Setting and Facilities) กำหนดว่าจะสอนที่ไหน ต้องเตรียมอะไรบ้าง 8.
เลือกแหล่งวิชาการ (Select Learning Resources) จะต้อง ใช้สื่ออะไร อย่างไร 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
56. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 9. ประเมินผล (Evaluation) การสอนตรงตามจุดมุ่งหมาย หรือไม่ 10. วิเคราะห์ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุงแก้ไข
(Analyze Feedback for Revision) เป็นการวิเคราะห์ว่าถ้าการสอน
ไม่ได้ผลตามจุดมุ่งหมายจะปรับปรุงแก้ไขตรงไหน อย่างไร 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
57. แนวคิดของเกอร์ลาชและอีลาย ( Ger
lach and Ely Model) 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
หลักการและขั้นตอนการออกแบบการสอน
เลือกวิธีสอนและกิจกรรม กำหนดขนาดของกลุ่มที่จะสอน กำหนด ระยะเวลา
กำหนดสถานที่ เครื่องอำนวย ความสะดวก เลือกแหล่ง วิชาการ ประเมินผล
วิเคราะห์ข้อมูล ป้อนกลับ วิเคราะห์ ประสบการณ์ เดิม กำหนดจุด มุ่งหมาย กำหนด
เนื้อหา
58. ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน 1. ปัญหาด้านทิศทาง (Direction) - ผู้เรียนไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร
- ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนอะไร - ต้องสนใจจุดไหน 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
59. ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน 2. ปัญหาด้านการวัดผล (Evaluation) เกิดขึ้นกับทั้งผู้สอนและผู้เรียน
ผู้สอนจะมีปัญหา เช่น จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่
วิธีที่ใช้อยู่ใช้ได้ผลดีไหม ถ้าจะปรับปรุงเนื้อหาจะปรับปรุงตรงไหน
จะให้คะแนนอย่าง ยุติธรรมได้อย่างไร ผู้เรียนจะมีปัญหา เช่น ฉันเรียนรู้อะไรบ้าง
จากสิ่งนี้ ข้อสอบยากเกินไป ข้อสอบกำกวม 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
60. ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน 3. ปัญหาด้านเนื้อหาและการลำดับเนื้อหา (Content and Sequence) ครูอาจสอนเนื้อหาที่ไม่ต่อเนื่องกัน เนื้อหายากเกินไป เนื้อหา ไม่ตรงกับจุดมุ่งหมาย
เนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้ผู้เรียน เกิดความไม่เข้าใจ
และสับสนในเนื้อหาที่เรียน ฯลฯ 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
61. ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน 4. ปัญหาด้านวิธีการ (Method) การสอนหรือวิธีสอนของครูอาจทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย
ไม่อยากเข้าห้องเรียน มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียน
หรือปัญหาการสอนที่ไม่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
62. ปัญหาหลักของการออกแบบการสอน 5. ปัญหาข้อจำกัดต่าง ๆ (Constraint) การสอนหรือการฝึกอบรมนั้นต้องใช้แหล่งทรัพยากร
3 ลักษณะ คือ บุคลากร ครูผู้สอน และสถาบันต่าง ๆ -
บุคลาการที่ว่านี้อาจจะเป็นวิทยากร ผู้ช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น พนักงานพิมพ์
ผู้ควบคุมเครื่องไม้เครื่องมือ หรืออื่น ๆ - สถาบันต่าง ๆ หมายถึง
แหล่งที่เป็นความรู้ แหล่งที่จะให้ความ ร่วมมือสนับสนุนต่าง ๆ อาจเป็นห้องสมุด
หน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
63. ประโยชน์ของการออกแบบการสอน 1. ชวยให้จัดทำหลักสูตรวิชาชีพทุกสาขาวิชาง่ายขึ้น 2. ช่วยให้ครูและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
3. ช่วยให้นักเรียนมีความตั้งใจ สนุกกับเนื้อหา
เกิดประสบการณ์ การเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น 4. ช่วยให้จัดทำสื่อการเรียนการสอนได้ถูกต้องเหมาะสมตาม
ความต้องการของผู้เรียน และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5. ช่วยให้ผู้ที่สนใจเกิดแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาและออกแบบการ
เรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อวิชาและผู้เรียน 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
64. 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม จบ .
65. กิจกรรมที่ 1
คำสั่ง ให้นิสิตสรุปความรู้ที่ได้ จากการเรียนและการจัดกิจกรรม ในครั้งนี้มาพอสังเขป
0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
66. แบบทดสอบ 1. ข้อใดให้ความหมายของการออกแบบการสอนได้ถูกต้อง
ก . การนำความรู้ทฤษฎีมาจัดดำเนินการในการสอน ข .
การประยุกต์วิธีการเพื่อการเรียนรู้ ค . กระบวนการนำการออกแบบการสอนไปทดลองใช้ ง .
การจัดสรรทรัพยากรการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน จ . ศาสตร์ ที่กำหนดรายละเอียด
เพื่อพัฒนา ประเมินและ ทำนุบำรุงให้คงอยู่และก่อให้เกิดการเรียนรู้ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
67. 2. ทฤษฎีการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของใครที่เริ่มมีการทดลองกับสัตว์
ก . กาเย่ ข . ไทเลอร์ ค . ธอร์นไดค์ ง . สกินเนอร์ จ . แฟรงคลิน แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
68. 3. แนวคิดของใครเป็นที่มาของวิธีระบบ ก
. กาเย่ ข . ไทเลอร์ ค . ธอร์นไดค์ ง . สกินเนอร์ จ . แฟรงคลิน แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
69. 4. โรเบิร์ต เกเย่
นำแนวคิดในทางใดมาใช้ในการ ออกแบบการสอน ก . พฤติกรรมนิยม ข . ปัญญานิยม ค .
สังคมนิยม ง . พุทธิปัญญานิยม จ . ถูกทุกข้อ แบบทดสอบ
70. 5. ขั้นตอนการออกแบบการสอนตามแนวคิดของ ADDIE
มีกี่ขั้นตอน ก . 3 ขั้นตอน ข . 5 ขั้นตอน ค . 7 ขั้นตอน ง . 9
ขั้นตอน จ . 11 ขั้นตอน แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
71. 6. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนการออกแบบการสอนของ
ADDIE ได้ถูกต้อง ก . ขั้นการวิเคราะห์ , ขั้นพัฒนา , ขั้นการนำไปทดลองใช้ ข .
ขั้นเร่งเร้าความสนใจ , ขั้นการออกแบบ , ขั้นพัฒนาและนำไปทดลองใช้ ค . ขั้นการวิเคราะห์ , ขั้นการออกแบบ
, ขั้นพัฒนา , ขั้นการนำไปทดลองใช้
ขั้นการประเมินผล ง . ขั้นเร่งเร้าความสนใจ , ขั้นทบทวนความรู้เดิม
, ขั้นเสนอเนื้อหาใหม่ , ขั้นการออกแบบ
, ขั้นพัฒนา , ขั้นการนำไปทดลองใช้ ,
ขั้นการประเมินผล จ . ขั้นทบทวนความรู้เดิม , ขั้นเร่งเร้าความสนใจ
, ขั้นเสนอเนื้อหาใหม่ , ขั้นการออกแบบ
, ขั้นพัฒนา , ขั้นการประเมินผล ,
ขั้นการนำไปทดลองใช้ แบบทดสอบ 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
72. 7. ขั้นการกระตุ้นการตอบสนองบทเรียนอยู่ในขั้นตอนใดของการออกแบบการสอนตามแนวคิดของโรเบิร์ต
กาเย่ ก . ขั้นที่ 5 ข . ขั้นที่ 6 ค .
ขั้นที่ 7 ง . ขั้นที่ 8 จ . ขั้นที่ 9 แบบทดสอบ 0503301
การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
73. 8. ขั้นตอนใดของการออกแบบการสอนตามแนวคิดของเกอร์ลาชและอิลาย
ที่ช่วยให้ทราบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนได้ ก . ขั้นวิเคราะห์ประสบการณ์เดิม ข
. ขั้นกำหนดขนาดของกลุ่ม ค . ขั้นกำหนดสถานที่ ง . ขั้นเลือกวิธีสอน จ .
ขั้นกำหนดเวลา แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
74. 9. การที่ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากเข้าห้องเรียน
มีทัศนคติไม่ดีต่อการเรียนเกิดจากปัญหาด้านใจของการออกแบบการสอน ก .
ปัญหาด้านทิศทาง ข . ปัญหาด้านการวัดผล ค . ปัญหาด้านวิธีการ ง .
ปัญหาด้านข้อจำกัดต่างๆ จ . ปัญหาด้านเนื้อหาและการลำดับเนื้อหา แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
75. 10. ข้อใดเป็นประโยชน์ของการออกแบบการสอน
ก . ช่วยให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ข .
ช่วยให้สามรถจัดทำสื่อได้ตรงตามความต้องการของผู้เรียน ค . ช่วยให้การจัดทำหลักสูตรวิชาชีพทุกสาขาวิชาง่ายขึ้น
ง . ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ สนุกกับเนื้อหา และเกิด
ประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ขึ้น จ . ถูกทุกข้อ แบบทดสอบ 0503301 การพัฒนาและการจัดการเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น